China
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน
สวนสาธารณะ "อี้เหอหยวน" หรือวังฤดูร้อน วังฤดูร้อนหรือที่เรียกกันว่า สวนสาธารณะอี้เหอหยวนนั้น ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงปักกิ่ง เป็นพระราชอุทยานที่มีทัศนียภาพที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง มีเนื้อที่ทั้งหมด ๒๙๐ เฮกต้าร์ ประกอบด้วยเนื้อที่ที่เป็นนํ้า ๓ ส่วน เนื้อที่ที่เป็นดิน ๑ ส่วน
เมื่อศตวรรษที่ ๑๒ จักรพรรดิองค์หนึ่งแห่งราชวงศ์จินทรงมีพระราชโองการให้สร้างที่ประทับแรมขึ้นที่นี่เป็นครั้งแรก ต่อมาในหลายราชวงศ์มีการสร้างเสริมเติมต่อหลายครั้ง พระจักรพรรดิเฉียงหรงแห่งราชวงศ์ชิงทรงมีพระราชโองการให้สร้างขยายอุทยานแห่งนี้ให้กว้างออกไปและทรงให้ชื่อว่า อุทยาน "ชิงอีหยวน" เมื่อ ค.ศ. ๑๘๖๐ อุทยานแห่งนี้ถูกทหารพันธมิตร อังกฤษ - ฝรั่งเศสเผาทําลาย ต่อมาเมื่อ ค.ศ. ๑๘๘๘ พระนางซูสีได้ใช้งบประมาณกองทัพเรือของชาติซี่งเป็นเงินแท่ง ๕ ล้านตําลึงมาสร้างอุทยานนี้ขึ้นใหม่ และเปลี่ยนชื่อเป็น "อี้เหอหยวน" อุทยานนี้มีชื่อเลื่องลือไปทั่วโลก ก็ด้วยมีทิวทัศน์สวยงาม
อุทยานอี้เหอหยวนประกอบด้วยสองส่วนคือ เขา "ว่านโซ่วซาน" และ ทะเลสาบ "คุนหมิงหู" บนเขาว่านโซ่วซานได้สร้างวิหาร ตำหนัก พลับพลา และเก๋งจีนอันงดงามไว้หลายรูปหลายแบบ ตั้งอยู่ลดหลั่นรับกันกับภูมิภาพ ที่เชิงเขามีระเบียงทางเดินที่มีระยะทางไกลถึง ๗๒๘ เมตร ลัดเลาะไปตามริมทะเลสาบคุนหมิงหู ในทะเลสาบคุนหมิงหูมีเกาะเล็ก ๆ เกาะหนึ่ง มี สะพาน ๑๗ โค้งอันสวยงามเชื่อมติดกับฝั่ง ทั่วทั้งอุทยานจัดไว้ได้สัดส่วนงดงามตระการตาซึ่งแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของศิลปะในการสร้างอุทยานของจีน
หอฟ้าเทียนถานเป็นสถานบวงสรวงเทพยดาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งซึ่งยังคงรักษาไว้ในจีน ประกอบด้วยตําหนักฉีเหนียนเตี้ยน ตําหนักหวงฉงอี่ และลานหยวนชิว เป็นต้น
เทียนถานตั้งอยู่ทางทิศใต้ของกรุงปักกิ่ง มีเนื้อที่ทั้งหมด ๒๗๓ เฮกต้าร์ เป็นสถานซึ่งจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิงใช้เป็นที่บวงสรวงเทพยดา ในระยะย่างเข้าฤดูหนาวถึงเดือนอ้ายตามจันทรคติทุกปี พระจักรพรรดิจะเสด็จไปประกอบพระราชพิธีบวงสรวงที่นั่นเพื่อให้การเก็บเกี่ยวได้ผลอุดม
ตําหนักฉีเหนียนเตี้ยนเป็นตําหนักเอก เริ่มก่อสร้างเมื่อ ค.ศ. ๑๔๒๐ ห่างจากปัจจุบัน ๕๐๐ กว่าปี เป็นรูปทรงกลมหลังคา ๓ ชั้น มุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีนํ้าเงิน ไม่มีขื่อและอกไก่ อาศัยเสาไม้ ๒๔ ต้น เป็นโครงยึดไว้ซึ่งได้ชื่อว่า "ตําหนักไม่มีขื่อ" ภายในตําหนักมีภาพวาดสีประณีตงดงาม บนเพดานวาดเป็นรูปมังกรและหงส์
ลานหยวนชิวซึ่งตั้งอยู่ทางด้านใต้ของตําหนักฉีเหนียนเตี้ยนเป็นแบบคล้ายเวทีกลม ๓ ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีนํ้าเงินและสีขาว แต่ละชั้นล้อมรอบด้วยลูกกรงหินอ่อนสีขาว เป็นสถานซึ่งพระจักรพรรดิบวงสรวงเทพยดาหรือขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล
ตําหนักหวงฉงอี่สร้างเป็นรูปทรงกลมหลังคาชั้นเดียว มุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีนํ้าเงินแก่ เป็นสถานสําหรับเก็บรักษาแผ่นป้ายพระนาม"เทพเจ้าผู้ปกครองสวรรค์" ตําหนักนี้ล้อมรอบด้วยกําแพงเตี้ย ๆ กําแพงนี้สร้างถูกต้องตามหลักวิชาว่าด้วยเสียง จึงสะท้อนเสียงได้จนเป็นที่เลื่องลือ เมื่อสองคนยืนอยู่ที่กําแพงคนละฟาก คนหนึ่งพูดใส่กําแพงเบา ๆ อีกคนหนึ่งเอาหูแนบกับกําแพง ก็จะได้ยินเสียงพูดจากฝ่ายตรงกันข้าม
กุ้ยหลิน เป็นเมืองอันสงบบนฝั่งแม่น้ำหลีเจียงเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในแง่ความงดงามมาตั้งแต่อดีต ฮั่นหยู (Hanyu) ปราชญ์ในราชสมัยราชวงศ์ถังเคยกล่าวกวีไว้บทหนึ่งว่า "แม่น้ำนี้งดงามราวสายเข็มขัดไหมสีมรกต ส่วนภูผานั่นเล่าเป็นดั่งจุฑามณีสีหยก" ไม่เพียงเท่านั้น ชาวจีนเองต่างก็ยอมรับในความงามของกุ้ยหลิน จนมีคำกล่าวที่ว่า "ซื่อไหว้เถาหยวน" ซึ่งหมายความว่า "เมืองสวรรค์บนพิภพ" พื้นที่ของเมืองกุ้ยหลินโดยรอบประกอบด้วยภูเขาน้อยใหญ่ที่ผ่านการกัดกร่อนของกาลเวลาเกิดเป็นรูปร่างแปลกตามากมาย มีภูเขาหินน้อยใหญ่กว่า 27,000 ยอด รวมถึงแมกไม้ สายธารและถ้ำอันตระการตา นับเป็นความอัศจรรย์ที่ธรรมชาติบรรจงสรรค์สร้างขึ้น ชาวจีนต่างยอมรับว่ากุ้ยหลิน คือ สถานที่ที่งดงามที่สุดในเมืองจีน ว่ากันว่า หากจิตรกรท่านใดไม่เคยมาเยือนกุ้ยหลิน จิตรกรท่านนั้นก็ไม่สามารถที่จะเขียนภาพวาดภูเขาที่สวยงามได้
กุ้ยหลิน มีที่มาของชื่อมาจาก ต้นขี้เหล็ก ซึ่งส่งกลิ่นหอมไปทั่วทั้งเมืองยามดอกบานในฤดูใบไม้ร่วง (กุ้ยหลิน ในภาษาจีน แปลว่า ป่าต้นขี้เหล็ก) ตัวเมืองตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจีนในเขตแคว้นปกครองพิเศษกวางสีของชาวจ้วง (ชาวจ้วงเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีจำนวนมากที่สุดในจีน) พื้นที่โดยรอบอุดมไปด้วยความงามทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ เมืองที่โอบล้อมไปด้วยเทือกเขาหินปูนอันสลับซับซ้อนซึ่งปกคลุมไปด้วยหมู่แมกไม้อันเขียวชอุ่ม กุ้ยหลินมีอายุกว่า 2,000 ปี เคียงคู่อยู่กับแม่น้ำหลีเจียงอันงดงาม มีตู้ซิวเฟิง (ยอดงามเด่น) เป็นจุดศูนย์กลางของเมือง ซึ่งสามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์ของเมืองกุ้ยหลินได้โดยรอบ
การชมความสวยงามของกุ้ยหลินอีกวิธีหนึ่งก็คือ การล่องเรือไปตามแม่น้ำหลีเจียงไปยังหมู่บ้าน หยางซั่ว หมู่บ้านเล็กๆ ท่ามกลางขุนเขาน้อยใหญ่ นับเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากอีกแห่งหนึ่ง
อดีตราชธานีของจักรพรรดิจีนหลายราชวงศ์ อันรวมถึงราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่อย่างราชวงศ์โจว จิ๋น หมิง และถัง เดิมทีซีอานมีชื่อว่า ฉางอาน เมืองแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะแหล่งอารยธรรมโบราณ และจุดเริ่มต้นของการเดินทางตามเส้นทางสายไหม ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานนับพันปี ซีอานได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก และยังเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลกอีกด้วย